Last updated: 17 มี.ค. 2565 | 1810 จำนวนผู้เข้าชม |
สำหรับสาวๆ ที่กำลังมีแพลนวิวาห์ นอกจากการเลือกแบบแหวนเพชรที่ตัวเองถูกใจแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาให้ดีนั่นก็คือ “วิธีการฝังเพชร” นั่นเองค่ะ เนื่องจากมีหลายเทคนิคมากๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีความสวยงามที่แตกต่างกัน รวมถึงยังมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันด้วย ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจซื้อแหวนเพชรสักวงควรทำความรู้จักวิธีการฝังเพชรแบบต่างๆ ก่อนนะคะ เพื่อให้มั่นใจว่าแหวนที่เราจะใส่ติดนิ้วตลอดทุกวันนั้นตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของเราและคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากที่สุดค่ะ
1. การฝังหนามเตย
เป็นการฝังเพชรที่คลาสสิกและได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยลักษณะเป็นก้านจับยึดเพชรเอาไว้ให้ติดกับตัวเรือน ซึ่งแบบที่นิยมคือหนามเตย 4 ขา และ 6 ขา นอกจากนี้ ยังสามารถใส่รายละเอียดให้กับหนามเตยด้วยดีไซน์ต่างๆ ได้ เช่น หนามเตยกลม หนามเตยหัวใจ หนามเตยลูกศร และหนามเตยหัวเรือ เป็นต้น
ข้อดีของการฝังเพชรแบบนี้คือ ดูหวาน และทำให้เพชรดูโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะแสงสามารถลอดผ่านเพชรได้เต็มที่ ทำให้เพชรดูเป็นประกายสวยงาม อีกทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย
วิธีการดูแล หากสวมใส่เป็นประจำทุกวัน ก็มีโอกาสที่จะกระทบกระแทกก้านหนามเตย ทำให้หนามเตยเกาะเพชรไม่แน่น และทำให้เพชรขยับได้ เราแนะนำให้หมั่นตรวจเช็คหนามเตยบ่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่เพชรเม็ดสำคัญจะหลุดหาย และถ้าพบว่าหนามเตยเกาะเพชรไม่แน่นแล้ว ควรรีบนำมาให้ทางร้านดูแลก่อนนำมาใส่นะคะ
2. การฝังจิกไข่ปลา
สำหรับใครที่ต้องการแหวนเพชรที่มีความระยิบระยับเป็นพิเศษ แนะนำให้เลือกการฝังเพชรแบบจิกไข่ปลาเลยค่ะ โดยวิธีนี้เป็นการนำเพชรเม็ดเล็กๆ ราว 0.5 - 2 ตังมายึดติดกันด้วยเม็ดโลหะกลม ทำให้แหวนเพชรดูหรูหรา สวยงาม ที่สำคัญคือสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันแบบไม่ต้องระวังมากด้วยค่ะ เพราะการฝังเพชรวิธีนี้ค่อนข้างมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ
3. การฝังสอด หรือ ฝังล็อก
เป็นวิธีการฝังเพชรที่นิยมสำหรับแหวนเพชรแถวค่ะ โดยวิธีการฝังแบบนี้จะใช้ขอบของทองหรือทองขาวยึดเกาะเพชรเอาไว้ ซึ่งจะช่วยเสริมให้เพชรดูใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังมีความแข็งแรงโดยป้องกันเพชรไม่ให้บิ่นเมื่อกระแทกกับวัตถุอื่นๆ ขณะสวมใส่ เหมาะสำหรับการใส่ในชีวิตประจำวันและเหมาะกับคุณแม่ที่กำลังดูแลลูกน้อย เพราะตัวแหวนจะเรียบๆ ไม่ขูดขีดผิวลูกแน่นอนค่ะ
แต่มีข้อเสียคือ การฝังแบบสอด ถ้ากระแทกแรงๆ มีโอกาสที่ขอบทองที่ยึดเพชรเบี้ยว และทำให้เพชรหลุดออกมาได้ นอกจากนี้ต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญมากในการปรับไซส์แหวนด้วยค่ะ
4. การฝังหุ้ม
คือ การใช้ทองหรือทองขาวหุ้มรอบเม็ดเพชรค่ะ ดังนั้น การฝังเพชรด้วยวิธีนี้จึงทำให้แหวนเพชรมีความแข็งแรงมากๆ สามารถปกป้องเพชรจากแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวขณะสวมใส่ เพราะทำความสะอาดง่าย ไม่เกี่ยวเสื้อผ้า หรือผมเผ้า แต่เพชรที่เลือกควรจะมีเหลี่ยมแบบ Perfect Heart & Arrows นะคะ เพราะเพชรจะสามารถเล่นแสงได้ดีแม้อยู่ในตัวเรือนที่ฝังหุ้ม ถ้าเลือกเพชรเหลี่ยมไม่สวยมาฝังแบบหุ้ม เพชรจะไม่เล่นไฟค่ะ
5. การฝังหนีบ
หากใครต้องการแหวนที่มีลักษณะเรียบง่าย ดูหรูหราและเล่นไฟแวววาวได้อย่างเต็มที่ เราขอแนะนำการฝังเพชรแบบหนีบเลยค่ะ โดยเป็นการใช้โลหะสองฝั่งในการยึดเกาะเพชรเอาไว้ ซึ่งหน้าเพชรจะเรียบเสมอไปกับตัวเรือนไม่ชูออกมา และสามารถโชว์ความสวยงามของเพชรได้อย่างเต็มที่ แต่จะต้องคอยระวังเรื่องการใช้งานค่ะ เพราะถ้าเกิดการกระแทกที่รุนแรง เพชรก็มีโอกาสหลุดหายได้ค่ะ
6. การฝังเหยียบหน้า
วิธีนี้เรียกอีกแบบว่า การฝังจม ค่ะ โดยเป็นการนำเพชรฝังจมลงไปบนตัวเรือนแหวน เหมาะสำหรับเพชรขนาดไม่เกิน 0.20 กะรัต ข้อดีคือสามารถป้องกันการหลุดร่วงของเพชรได้เป็นอย่างดีค่ะ จึงตอบโจทย์อย่างมากสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ในการใช้มือทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดเวลา แต่ข้อเสียคือตัวเรือนอาจจะบดบังความสวยงามของเพชร ทำให้เพชรเล่นไฟได้น้อยกว่าการฝังแบบอื่นค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะกับวิธีการฝังเพชรแบบต่างๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หากใครมีดีไซน์แหวนแต่งงานที่ชอบในใจแล้ว แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะใช้วิธีฝังเพชรแบบไหนดี สามารถแวะเข้ามาปรึกษาเราได้ที่ Pattana Gems ดิโอลด์สยามพลาซ่า ชั้น 1 ห้อง E112 ได้เลยนะคะ เรายินดีให้คำแนะนำ พร้อมบริการออกแบบแหวนที่ตรงกับบุคลิกและตอบโจทย์ความต้องการของคุณลูกค้าในราคาที่สมเหตุสมผลค่ะ
14 มิ.ย. 2567
14 มิ.ย. 2567
20 มิ.ย. 2567